วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

AEC ประชาคมอาเซียน : ประเทศอินโดนีเซีย

AEC ประชาคมอาเซียน : ประเทศอินโดนีเซีย


AEC :ประเทศอินโดนีเซีย

ประเทศอินโดนีเซีย
เมืองหลวงของประเทศ :จาการ์ตา
จาการ์ตา (อินโดนีเซียJakarta) เป็นเมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่บนเกาะชวาฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ มีประชากร 8.3 ล้านคน (พ.ศ. 2543) ในอดีตมีชื่อว่า บาตาฟียา หรือ ปัตตาเวีย (Batavia) คนไทยในอดีตเรียก กะหลาป๋า

พื้นที่ของประเทศ :1,905,000 ตร.กม.
จำนวนประชากรของประเทศ : 261.1 ล้าน
ภาษาประจำชาติ : ภาษาอินโดนีเซีย (หรือที่เรียกกันทั่วๆไปว่า บาฮาซาอินโดนีเซีย) ซึ่งผันแปรมาจากภาษามลายูแบบตลาด ที่ใช้กันเป็นภาษากลาง


ชื่อมาจากหน่วยเงินของอินเดีย รูปี อินโดนีเซียได้ใช้เงินกิลเดอร์ดัตช์ระหว่าง พ.ศ. 2153 ถึง พ.ศ. 2360 ซึ่งมีการออกเงินกิลเดอร์อินเดียตะวันออก เงินรูปียะฮ์ออกใช้เป็นครั้งแรกระหว่างการยึดครองของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากสงครามสิ้นสุดลง ธนาคารชวาได้ออก รูปียะฮ์ชวา มาแทนที่ชั่วคราว กิลเดอร์นีกา (NICA gulden) ของประเทศเนเธอร์แลนด์ และหน่วยเงินต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังโจรก็ใช้กันทั่วหมู่เกาะด้วยเช่นกัน

ดอกไม้ประจำชาติ :  ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid) ซึ่งเป็นหนึ่งในดอกกล้วยไม้ที่บานอยู่ได้นานที่สุด โดยช่อดอกนั้นสามารถแตกกิ่งและอยู่ได้นาน 2-6 เดือน โดยดอกจะบานแค่ปีละ 2-3 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ดอกกล้วยไม้ราตรีสามารถเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น จึงพบเห็นได้ง่ายในพื้นที่ราบต่ำของประเทศอินโดนีเซีย
     

                                                                  

สัตว์ประจำชาติ :
มังกรโคโมโดเป็นสัตว์โบราณตะกูลตัวเงินตัวทองชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับสัตว์ในตะกูลเดียวกัน พบได้เฉพาะในประเทศอินโดนีเซียบริเวณเกาะโคโมโด รินคา, ฟลอเรส และกิลีโมตาง เป็นสัตว์ที่มีนิสัยดุร้ายกว่าเพื่อนร่วมสายพันธุ์ ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง และด้วยความที่สามารถพบเห็นได้เพียงแห่งเดียวในโลกในประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น มังกรโคโมโดจึงถูกเลือกให้เป็นสัตว์ประจำชาติอินโดนีเซีย

อาหารขึ้นชื่อ : 
 “กาโด กาโด”(Gado Gado)
  อาหาร สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ ประกอบไปด้วยผักและธัญพืช เช่น มันฝรั่ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก ถั่วเขียว เสริมโปรตีนด้วยเต้าหู้และไข่ต้ม รับประทานคู่กับซอสถั่วที่คล้ายกับซอสสะเต๊ะ ซึ่งใกล้เคียงกับสลัดแขก ของประเทศไทย


 สะเต๊ะ เป็นอาหารอย่างหนึ่งซึ่งทำจากเนื้อที่หั่นบาง ๆ หรือหั่นเป็นก้อน อาจจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อปลา ฯลฯ เสียบด้วยไม้เสียบที่ทำจากไม้ไผ่ แล้วนำไปย่างบนเตาฟืนหรือเตาถ่านเสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุงรส ที่มีรสจัด 
 สะเต๊ะของอินโดนีเซียอาจได้รับอิทธิพลจากคาบับที่เป็นอาหารพื้นเมืองของอินเดียภาคเหนือซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวเตอร์กอีกต่อหนึ่ง ตำรับดั้งเดิมของชาวตุรกีเป็นเนื้อแพะหั่นเป็นชิ้นหมักแล้วเสียบเหล็กแหลมย่างไฟ ชาวเปอร์เซียและชาวอินเดียรับมาดัดแปลง อาจใช้เนื้อบดหรือเนื้อทั้งชิ้น จะเสียบหรือไม่เสียบไม้ก็ได้ 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สะเต๊ะ

รู้นะว่าเพื่อนๆหิวกันแล้ว  555+


สถานที่สำคัญในประเทศ : 
หากพูดถึงการมาเที่ยวอินโดนีเซียแล้ว หลายท่านคงนึกถึงบาหลีเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอนใช่มั้ยคะ และบาหลียังเป็นสถานที่เที่ยวที่ยอดนิยมสุดๆ ด้วยความสวยงามของภูมิประเทศที่หลากหลาย ที่มีลักษณะภูมิศาสตร์ของภูเขาไฟ กับนาข้าวแบบขั้นบันได แถมยังเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำหลายสายของบาหลี นอกจากบาหลีจะมีภูมิประเทศที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆแล้ว บาหลียังโดดเด่นในเรื่องศิลปะ ประเพณีวัฒนธรรมและศาสนามากกว่าพันปีอีกด้วยค่ะ



วัดบุโรพุทโธ ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของศาสนาพุทธลัทธิมหายานที่มีความเก่าแก่ และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก โดยสถาปัตยกรรมที่แสดงออกถึงความเป็นอัจฉริยะสูงสุดทางศิลปะสมัยไศเลนทรา ที่แตกต่างจากโบราณสถานทุกแห่งในชวา และยังเป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธมาอย่างช้านาน
      องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้บุโรพุทโธเป็นมรดกโลก ในปีพ.ศ. 2534 บุโรพุทโธ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในภาคกลางของเกาะชวา ห่างจากยอกยาการ์ตาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 1293 - 1393 โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ถ้าไม่นับนครวัดของกัมพูชาซึ่งเป็นทั้งศาสนสถานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและศาสนาพุทธ บุโรพุทโธจะเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก บุโรพุทโธสร้างขึ้นโดยกษัตริย์แห่งราชวงศไศเลนทร์ เป็นสถูปแบบมหายาน สันนิษฐานว่าสร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 7-9 หรือ พุทธศักราช 1393 บุโรพุทโธสร้างด้วยหินภูเขาไฟประมาณ 2 ล้านตารางฟุต บนฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 121 เมตร สูง 403 ฟุต เป็นรูปทรงแบบปิรามิด มีลานเป็นชั้นลดหลั่นกัน 8 ชั้น และใน 8 ชั้นนั้น 5 ชั้นล่างเป็นลาน 4 เหลี่ยม 3 ชั้นบนเป็นลานวงกลม และบนลานกลมชั้นสูงสุดมีพระสถูปตั้งสูงขึ้นไปอีก 31.5 เมตร เป็นมหาสถูปที่ระเบียงซ้อนกันเป็นชั้นๆลดหลั่นกันไป หากมองจากพื้นดินในระยะไกล บุโรพุทโธ คือสถูป ซึ่งเป็นรูปแบบของจักรวาลที่มีส่วนประกอบในแนวตั้งสามส่วนด้วยกันคือ ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสรองรับองค์สถูปและยอดฉัตร ถ้าเดินตามเส้นทางแสวงบุญเก่าแก่จากทางตะวันออก ก้าวขึ้นอนุสรณ์สถานที่ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ และมีเฉลียงรอบ เดินวนรอบเฉลียงตามเข็มนาฬิกา จะเห็นว่ารูปนูนแกะสลักและรูปปั้นทุกชั้นล้วนเป็นส่วนสำคัญขององค์รวม
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วัดบุโรพุทโธ มหาเจดีย์ สิ่งมหัศจรรย์แห่งอินโดนีเซีย

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
อุทยานแห่งชาติโกโมโด เป็นอุทยานแห่งชาติในประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ใกล้หมู่เกาะซุนดาน้อย ระหว่างจังหวัดนูซาเติงการาตะวันออกกับจังหวัดนูซาเติงการาตะวันตก อุทยานประกอบด้วยเกาะใหญ่ 3 เกาะ คือ เกาะโกโมโด เกาะรินจา และเกาะปาดาร์ รวมทั้งยังมีเกาะเล็ก ๆ อีกมากมาย ซึ่งเกาะเหล่านี้กำเนิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ มีพื้นที่รวมทั้งหมด 1,817 ตารางกิโลเมตร (ส่วนที่เป็นแผ่นดิน 603 ตารางกิโลเมตร) มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 4,000 คน ก่อตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2523 เพื่ออนุรักษ์มังกรโกโมโด ซึ่งเป็นสัตว์เฉพาะถิ่น ภายหลังยังจัดเป็นพื้นที่สำหรับอนุรักษ์สัตว์ป่าและสัตว์ทะเลชนิดอื่น ๆ อีกด้วย ใน พ.ศ. 2534 อุทยานได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก และถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกทางธรรมชาติยุคใหม่อีกด้วย












ใครที่ชอบในเรื่องสิ่งเร้นลับ ปริศนา และความเชื่อ ที่นี่อาจจะเป็นอีกสถานที่ที่คุณสนใจอยู่ก็เป็นได้ โทราจาแลนด์ ดินแดนลึกลับแห่งอิเหนานั้น มีความพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ที่ตองโคนัน โดยมีลักษณะเด่นตรงที่หลังคามีขนาดใหญ่กว่าตัวบ้านรูปร่างคล้ายเรือ หน้าบ้านประดับด้วยเขาควายลักษณะเป็นมุมแหลม 2 ด้านเว้าลงมาตรงกลาง อาจจะดูแปลกๆสะดุดตาไปบ้าง และสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือบ้านที่โทราจาแลนด์นั้น เอาไว้สำหรับเก็บศพเพื่อรอการทำพิธี ก่อนจะถูกฝังที่รังเล็กๆในโพรงต้นไม้ และนอกจากความแปลกแล้ว ที่นี่ยังมีกาแฟที่โดดเด่นอีกด้วย


อีกหนึ่งสถานที่สุดเด็ดของนักท่องเที่ยว ที่หากมาเที่ยวอินโดนีเซีลแล้วพลาดไม่ได้เลย หมู่เกาะกีลี ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะลอมบอก (Lombok) ในประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วย 3 เกาะ คือ Gili Trawangan, Gili Meno, และ Gili Air โดยทั้งหมดตั้งเรียงรายอยู่นอกชายฝั่งของเกาะลอมบอก ล้อมรอบไปด้วยทะเลสีฟ้าสดใส มองเห็นเป็นผืนน้ำทะเลสีฟ้าเทอร์ควอยซ์งดงาม ยามกลางวันหมู่เกาะเหล่านี้จะเงียบสงบ ด้วยหาดทรายสีขาวละเอียด น้ำใสและแนวปะการังความงามใต้ท้องทะเลลึก




AEC ประชาคมอาเซียน : ประเทศกัมพูชา

AEC ประชาคมอาเซียน : ประเทศกัมพูชา


AEC :ประเทศกัมพูชา

ประเทศกัมพูชา
เมืองหลวงของประเทศ : พนมเปญ หรือ ภนุมปึญ (เขมรភ្នំពេញ พนมเพ็ญ ออกเสียง: [pʰnum pɨɲ]อังกฤษPhnom Penh) อีกชื่อหนึ่งคือ ราชธานีพนมเปญ เป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา และยังเป็นเมืองหลวงของนครหลวงพนมเปญด้วย ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่า ไข่มุกแห่งเอเชีย (เมื่อคริสต์ทศวรรษ 1920 พร้อมกับเมืองเสียมราฐ) นับเป็นเมืองที่เป็นเป้าการท่องเที่ยวทั้งจากผู้คนในประเทศและจากต่างประเทศ พนมเปญยังมีชื่อเสียงในฐานะที่มีสถาปัตยกรรมแบบเขมรดั้งเดิมและแบบได้รับอิทธิพลฝรั่งเศส

พื้นที่ของประเทศ :181,035 ตร.กม.
จำนวนประชากรของประเทศ : 15.76 ล้าน
ภาษาประจำชาติ :ภาษาเขมร
ภาษาเขมร (เขมรភាសាខ្មែរ ภาสาแขฺมร [pʰiesaa kmae] เพียซา ขฺมะเอ) ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติของราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นหนึ่งในภาษาหลักของภาษากลุ่มออสโตรเอเซียติก และได้รับอิทธิพลหลายๆ ประการมาจากภาษาสันสกฤต และภาษาบาลี พอสมควร ซึ่งอิทธิพลเหล่านี้เข้ามาผ่านศาสนาพุทธ และศาสนาฮินดู ในขณะที่อิทธิพลจากภาษาอื่นๆ โดยมากเป็นคำยืม เช่น จากภาษาไทย ภาษาลาว และภาษาเวียดนาม เป็นผลมาจากการติดต่อกันทางด้านภาษา และความใกล้ชิดกันในทางภูมิศาสตร์ และภาษาจีนจากการอพยพ ภาษาฝรั่งเศสจากการตกเป็นอาณานิคมช่วงเวลาหนึ่ง และภาษามลายูจากความสัมพันธ์ในอดีตและการที่เคยมีอาณาจักรจามปาในตอนกลางของประเทศเวียดนาม


สกุลเงิน : เรียลกัมพูชา


เหรียญประกอบด้วย 50, 100, 200, และ 500 เรียล
ธนบัตรที่ใช้ในปัจจุบันประกอบด้วย ชนิดราคา 50, 100, 200, 500, 1000, 2000, 5000, 10000, 20000, 50000 และ 100000 เรียล 


ดอกไม้ประจำชาติ :  ดอกลำดวน (Rumdul) ดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล กลีบดอกหนาทึบและแข็งเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเย็นแบบกรุ่น ๆ ถูกจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายถึงความสดชื่นหอมกรุ่น และเป็นดอกไม้สำหรับสุภาพสตรี 

สัตว์ประจำชาติ :กูปรี หรือ โคไพร เป็นสัตว์จำพวกกระทิงหรือวัวป่าชนิดหนึ่ง เป็นสัตว์กีบคู่ ตัวโต โคนขาใหญ่ ปลายหางเป็นพู่ขน ปัจจุบันกูปรีอยู่ในสถานะสูญพันธุ์ โดยไม่มีรายงานการพบกูปรีในป่าธรรมชาติมานานหลายสิบปีแล้ว แต่นักอนุรักษ์ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะยังสามารถพบกูปรีได้ตามป่าชายแดนไทยและกัมพูชา (แต่ไม่เคยมีรายงานยืนยัน) กูปรีถูกประกาศให้เป็นสัตว์ประจำชาติกัมพูชาโดยสมเด็จเจ้านโรดมสีหนุอดี
ตกษัตริย์ของกัมพูชา นอกจากกูปรีจะเป็นสัตว์ประจำชาติของกัมพูชาแล้ว ยังพบว่ากูปรียังเป็นส่วนหนึ่งของตราสัญญลักษณ์ของ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์อีกด้วย


อาหารขึ้นชื่อ : 
อาม็อก (Amok) อาหารยอดนิยมของกัมพูชา ลักษณะคล้ายห่อหมกของไทย  โดยมากแล้วนิยม
ปรุงเนื้อปลาลวกด้วยพริกเครื่องแกงและกะทิ แล้วทำให้สุกโดยการนำไปนึ่ง บางตำรับอาจใช้เนื้อไก่หรือหอยแทน สาเหตุหนึ่งที่คนในประเทศนี้นิยมรับประทานปลา เพราะเป็นอาหารที่หาได้ง่าย เนื่องจากสภาพ ภูมิประเทศที่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง

สตูว์ไก่เขมร (Ragu sach moan) สตูว์ไก่เขมรได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส มีรสชาติอร่อยและทำง่าย เป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมในโอกาสใหญ่  เช่นงานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงรวมญาติ

กุยเตียว (គុយទាវ) ในภาษาเขมร กุยเตียวหมายถึงจานและเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากข้าว อาหารชนิดที่เป็นก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำซุปหมู เป็นอาหารเข้าที่เป็นที่นิยมในกัมพูชา ได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน กินกับผักกาดหอม ถั่วงอก พริกไทยดำ น้ำมะนาว กระเทียมเจียว กุยเตียวในแต่ละบริเวณมีความแตกต่างกัน โดยต่างที่องค์ประกอบของน้ำซุปหรือสิ่งที่ใส่ลงในกุยเตียว กุยเตียวแบบพนมเปญเป็นที่นิยมแพร่หลาย โดยส่วนประกอบในกุยเตียวจะมีเนื้อหมู หมูสับ เลือดหมูก้อน เครื่องในหมู เช่น ลำไส้ หัวใจ ตับ ปอด เป็ดย่าง กุ้งน้ำจืด ลูกชิ้นปลา หมึก กุยเตียวสมัยใหม่จะมีที่ใส่ไก่ เนื้อวัวหรืออาหารทะเล


สถานที่สำคัญในประเทศ : 
พระราชวังหลวงพนมเปญ

          ตั้งอยู่ในเมืองพนมเปญ อยู่บนถนน โซะเทียะรึต ทางตอนใต้ของ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สร้างขึ้นตามรูปแบบศิลปะเขมรโดยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสในปี 1866 เป็นที่ประทับของเจ้านโรดมสีหนุ นับที่ท่านเสด็จกลับคืนสู่กรุงพนมเปญในปี 1992  ในวังนี้เปิดให้เข้าชมเช่นเขตที่ประทับ 

          ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังหลวงเป็นที่ประทับของสมเด็จสีหนุ ส่วนด้านใต้ของพระราชวังหลวง มีหมู่อาคารพระคลังหลวง และที่นั่งโภชนีโสภา สำหรับพระราชทานเลี้ยง  พระราชวังหลวงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ชื่อเดิมในภาษากัมพูชา คือ “เปรี๊ยะบรมเรียเซียแวงจักตุบุข” กษัตริย์กัมพูชา ประทับเมื่อสร้างเสร็จในปี 2409  และเมืองนี้ถูกทอดทิ้งร้าง ตอนที่เขมรแดงขึ้นครองอำนาจ    

          พระนโรดม ได้ย้ายเมืองหลวงจากอุดงมีชัย มายังพนมเปญ  ในศตวรรษที่ 19  พระราชวังนี้อยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ 4 สาย ของแม่น้ำโขง เรียก “จตุมุข” หันหน้าเข้าไปทางทิศตะวันตก อาคารสิ่งก่อสร้างคือ พระที่นั่งจันทฉายา ใช้เป็นที่ทอดพระเนตรชมขบวนแห่และชมนาฏศิลป์หลวง  พระที่นั่งเทวาวินิจฉัย (ท้องพระโรง)  เป็นสถานที่กษัตริย์ใช้ว่าราชการ  ปรึกษากับแม่ทัพ ขุนนาง และพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีครองราชย์ และพระราชพิธีอภิเษกสมรส รับแขกบ้านแขกเมือง  พระที่นั่ง นโปเลียนที่ 3 ผ่านการบูรณะจากฝรั่งเศสโดยพระเจ้านโปเลียนที่ 3 สร้างประทานแก่จักรพรรดิ นีเออเซนี   และท่านให้รื้อเป็นชิ้นๆ และล่องเรือมาประกอบถวายสมเด็จพระนโรดมที่ กรุงพนมเปญ ทศวรรษที่ 1870 



นครวัด Angkor wat 

          นครวัดเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีขนาด 200,000 ตารางเมตร สูง 60 เมตร  การก่อสร้างใช้แรงงานคนขนหินทรายจากเขา พนมกุเลน มาสร้างและเดินทางด้วยเท้าไกลถึง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาสร้าง รวม 100 ปี โดยช่างแกะสลัก 5000 คน กำแพงรอบนอกตัวปราสาทแกะสลักงดงาม บรรยายเกี่ยวกับเรื่องรามายณะ และที่แห่งนี้เป็นที่สะท้อนถึงความทะเยอทยานของมนุษย์ ที่มีความศรัทธาแรงกล้าต่อเทพเจ้า เวลาขึ้นชมจะเป็นช่วงสี่โมงเย็นเพื่อไปรอพระอาทิตย์ตกดิน เห็นเป็นแสงทองส่องระยิบระยับเหลืองอร่ามน่าตื่นตาตื่นใจ แก่นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพไว้ดู
          ในนครวัดยังมีปราสาทหินทรายสีชมพู อยู่ห่างเมืองเสียมเรียบ 30 กิโลเมตร เป็นศิลปะการแกะสลักเล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตำนานมหาภารตะของอินเดียงดงามอ่อนช้อยเลยทีเดียว และถูกขนานนามว่าเป็นปราสาทแห่งความรัก มาเที่ยวที่นี้ต้องเตรียมอาหาร น้ำ มาด้วยเพราะแม่ค้านำมาขายแพงมาก  คนนิยมมาถ่ายรูป มีต้นไม้ยักษ์ปกคลุมรอบปราสาทเพื่อไม่ให้พังทลาย และโด่งดังเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง ทูมไรเดอร์ เจมส์บอนด์ และอีกหลายๆเรื่อง ภาพแกะสลักพระพักตร์เป็นหน้าของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวร
งดงามจริงๆเลย


 ปราสาทบายน

          สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างด้วยทรายสีขาวโดดเด่นต่างจากปราสาทที่อื่น มีการแกะสลักพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวรจำนวนถึง 216 หน้า มีความบ่งบอกถึงรอยยิ้มที่มีความเมตตา ถ่ายทอดเรื่องราวภาพบนกำแพงผนังของการสู้รบชีวิตความเป็นอยู่ของกษัตริย์ และชาวบ้านในยุคนั้น เป็นสถานที่ที่เข้าไปแล้วรู้สึกขนหัวลุกเพราะรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องเราอยู่ทุกขณะตลอดเวลาที่อยู่ในปราสาทแห่ง
นี้

ทะเลสาบ โตนเลสาป
  มาเที่ยวเขมรมีทะเลสาบด้วยนะจะบอกให้ อยู่ห่างเมืองพนมเปญ 100 กว่ากิโลเมตร มีแหล่งปลาน้ำจืด คือปลาบึกจำนวนมาก ไฮไลท์ของที่นี้คือ มีเรือพานักท่องเที่ยวชมความงามของหมู่บ้านประมงและทัศนียภาพในตอนเช้าและตอนตะวันตกดิน ยามเย็นมีเรือนแพให้นักท่องเที่ยวได้พัก ทานอาหาร ซื้อของฝากที่ระลึกเป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่ขอแนะนำ ชาวบ้านแถวนี้มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย พลาดกันไม่ได้เลยทีเดียว



ปราสาทนครธม (Angkor Thom) 
          เป็นเมืองหลวงสุดท้ายของอาณาจักร ขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลาย คริสต์ศวรรษที่ 12 โดย พระเจ้าชัยวรมันที่ มีอาณาเขตคลอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตรเมตร ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของนครวัด พระเจ้าชัยวรมันที่7  และรัชทายาทได้สร้างปราสาทใจกลางนครเรียกว่า ปราสาทบายน ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในการท่องเที่ยวนครวัด  ทางขึ้นจะชันมาก ลื่นควรระวังนะคะ 










วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

AEC ประชาคมอาเซียน : ประเทศบรูไน

AEC ประชาคมอาเซียน : ประเทศบรูไน

AEC :ประเทศบรูไน


ประเทศบรูไน
เมืองหลวงของประเทศ : บันดาร์เซอรีเบอกาวัน (มลายูBandar Seri Begawan, بندر سري بڬاوان) เป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญของประเทศบรูไนดารุสซาลาม อยู่ในเขตการปกครองบรูไน-มัวรา มีประชากรประมาณ 60,000 คน เดิมชื่อว่า เมืองบรูไน ภายหลังเมื่อบรูไนพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นในลักษณะแบบคุ้มครองของอังกฤษแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นบันดาร์เซอรีเบอกาวัน


พื้นที่ของประเทศ :5,765 ตร.กม.
จำนวนประชากรของประเทศ : 423,196
ภาษาประจำชาติ :ภาษามลายู


สกุลเงิน : ดอลลาร์บรูไน ถือกำเนิดใน ค.ศ. 1967 มีการแบ่งหน่วยย่อยเป็น 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 100 เซนต์ อัตราแลกเปลื่ยนเท่ากับดอลลาร์สิงคโปร์ บรูไนกับสิงคโปร์ลงนามตกลงอัตราค่าเงินในปี ค.ศ. 1967 ในอดีตบรูไนใช้หอยเบี้ยในการแลกเปลี่ยนสินค้าแทนเงิน ต่อมาผลิตเหรียญดีบุกเป็นเงินใน ค.ศ. 1868 พัฒนาขึ้นเป็นเหรียญ 1 เซนต์ในอีก 20 ปีต่อมา เหรียญนั้นมีค่า 1 ส่วน 100 ของ 1 ดอลลาร์ช่องแคบ ในวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1967 บรูไนออกใช้ธนบัตรชนิดราคา 1, 5, 10, 50, 100 ดอลลาร์; 500 และ 1,000 ดอลลาร์ใน ค.ศ. 1979 และ 10,000 ดอลลาร์ใน ค.ศ. 1989 ธนบัตรบรูไนเขียนบอกมูลค่าเป็นภาษาอังกฤษและภาษามลายู


ดอกไม้ประจำชาติ : ดอกซิมปอร์ (Simpor) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดอกส้านชะวา(Dillenia) ดอกไม้ประจำท้องถิ่นบรูไน ที่มีกลีบขนาดใหญ่สีเหลือง หากบานเต็มที่แล้วกลีบดอกจะมีลักษณะคล้ายร่ม พบเห็นได้ตามแม่น้ำทั่วไปของบรูไน มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล หากใครแวะไปเยือนบรูไน จะพบเห็นได้จากธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์ ของประเทศบรูไน 



สัตว์ประจำชาติ : เสือโคร่ง สัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่นอกจากจะได้รับการเลือกให้เป็นสัตว์ประจำชาติของพม่าแล้ว ยังถูกเลือกให้เป็นสัตว์ประจำชาติบรูไนอีกด้วย โดยลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศบรูไนซึ่งมีภูเขาและป่าไม้อยู่เป็นจำนวนมาก มีประชากรไม่หน่าแน่น สัตว์ป่าจึงไม่ถูกรบกวน จึงสามารถพบเสือโคร่งสายพันธุ์เอเชียจำนวนมาก และได้ถูกเลือกให้เป็นสัตว์ประจำชาติของประเทศบรูไนในที่สุด


อาหารขึ้นชื่อ : 
 เบเรียนี่ (ข้าวผัด)  อาหารเจวันนี้ขอนำเสนอเป็นจานเด็ดสุดอร่อยจากลูกหนำเลี๊ยบที่หลายคนนิยมนำไปผัดกับหมูสับรับประทานคู่กับข้าวต้ม แต่วันนี้ขอเสนอเป็นข้าวผัดหนำเลี๊ยบสไตล์จีนที่ทำง่ายมาก ๆ มีวัตถุดิบไม่กี่อย่าง ใช้เวลาไม่นานก็ได้อาหารเจและมังสวิรัติจานอร่อยไว้รับประทานแล้ว ไม่ต้องเบียดเบียนเนื้อสัตว์เลยด้วย



อัมบูยัต (เป็นอาหารยอดนิยมของบรูไนมีลักษณะเด่นอยู่ที่ตัวแป้งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม หรือโจ๊กโดยมีแป้งสาคูเป็นส่วนผสมหลัก ตัวแป้งอัมบูยัตเอง ไม่มีรสชาติแต่ความอร่อยจะอยู่ที่การจิ้มกับซอสผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีก 2-3 ชนิด เช่น ผักสด เนื้อห่อใบตองย่างหรือเนื้อทอด


สถานที่สำคัญในประเทศ : 

มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน มัสยิดเก่าแก่อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไน ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน มัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนินการสร้างโดยสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟัดดินที่ 3 พระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน และสร้างเสร็จในปีค.ศ. 1958 มัสยิดนี้เป็นมัสยิดเก่าแก่อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไนตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์ เสรีเบกาวัน มัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนการสร้างโดยสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟัดดินที่ 3 ผู้ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกสมัยใหม่ของบรูไน และเป็นพระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน และมัสยินนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1958 มีความงดงามจนได้ชื่อว่า "มินิทัชมาฮาล"


พระราชวังหลังคาทองคำ อิสตาน่า นูรูลอิมาน (Istana Nurualiman)
สถานที่ประทับใจของสุลต่าน ใช้สำหรับต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างแดน และยังเป็นทำเนียบรัฐบาล ตั้งอยู่ในกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก (โดยกินเนสส์บุ๊กเวิลด์เรคคอร์ด) มีเอกลักษณ์ทางสถาปัตถยกรรมที่โดเด่นทั้งภายในและภานนอก มีพื้นที่ 19,400 ตารางเมตร หลังคาโดมทรงกลมสีทอง มองดูคล้ายกับมัสยิดในศาสนาอิสลาม เปิดให้เข้าชมหลังผ่านช่วงเราะมะฎอนไปแล้ว


อุทยานแห่งชาติอูลู เต็มบูรง (Ulu Temburong National Park)
 เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อยู่ทางใต้ของเขตบูรง มีลักษณะเป็นป่าดิบชื้นขนาดใหญ่ สามารถพบพันธุ์ไม้และสัตว์หายากหลากชนิด เช่น ลิงจมูกยาว หรือผีเสื้อราชาบรูก ได้เพียงที่นี่ที่เดียวบนเกาะบอร์เนียว เหมาะสำหรับศึกษาสภาพแวดล้อม

หมู่บ้านกลางน้ำกัมปงไอเยอร์ (Kampong Ayer)
หมู่บ้านกลางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในแถวอาเซียน สามารถเดินทางไปทางเรือโดยสาร เป็นชุมชนที่บ้านเรือนและทางเดินเชื่อมต่อกันด้วยไม้ ภายในพื้นที่มัสยิด โรงเรียนและสถานพยาบาล มีอำนาจบริหารเป็นเอกเทศ ถือได้ว่าสะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของมนุษย์กับสายน้ำได้อย่างชัดเจน