AEC ประชาคมอาเซียน : ประเทศกัมพูชา
AEC :ประเทศกัมพูชา
ประเทศกัมพูชา
เมืองหลวงของประเทศ : พนมเปญ หรือ ภนุมปึญ (เขมร: ភ្នំពេញ พนมเพ็ญ ออกเสียง: [pʰnum pɨɲ]; อังกฤษ: Phnom Penh) อีกชื่อหนึ่งคือ ราชธานีพนมเปญ เป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา และยังเป็นเมืองหลวงของนครหลวงพนมเปญด้วย ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่า ไข่มุกแห่งเอเชีย (เมื่อคริสต์ทศวรรษ 1920 พร้อมกับเมืองเสียมราฐ) นับเป็นเมืองที่เป็นเป้าการท่องเที่ยวทั้งจากผู้คนในประเทศและจากต่างประเทศ พนมเปญยังมีชื่อเสียงในฐานะที่มีสถาปัตยกรรมแบบเขมรดั้งเดิมและแบบได้รับอิทธิพลฝรั่งเศส
พื้นที่ของประเทศ :181,035 ตร.กม.
จำนวนประชากรของประเทศ : 15.76 ล้าน
ภาษาประจำชาติ :ภาษาเขมร
ภาษาเขมร (เขมร: ភាសាខ្មែរ ภาสาแขฺมร [pʰiesaa kmae] เพียซา ขฺมะเอ) ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติของราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นหนึ่งในภาษาหลักของภาษากลุ่มออสโตรเอเซียติก และได้รับอิทธิพลหลายๆ ประการมาจากภาษาสันสกฤต และภาษาบาลี พอสมควร ซึ่งอิทธิพลเหล่านี้เข้ามาผ่านศาสนาพุทธ และศาสนาฮินดู ในขณะที่อิทธิพลจากภาษาอื่นๆ โดยมากเป็นคำยืม เช่น จากภาษาไทย ภาษาลาว และภาษาเวียดนาม เป็นผลมาจากการติดต่อกันทางด้านภาษา และความใกล้ชิดกันในทางภูมิศาสตร์ และภาษาจีนจากการอพยพ ภาษาฝรั่งเศสจากการตกเป็นอาณานิคมช่วงเวลาหนึ่ง และภาษามลายูจากความสัมพันธ์ในอดีตและการที่เคยมีอาณาจักรจามปาในตอนกลางของประเทศเวียดนาม
สกุลเงิน : เรียลกัมพูชา
เหรียญประกอบด้วย 50, 100, 200, และ 500 เรียล
ธนบัตรที่ใช้ในปัจจุบันประกอบด้วย ชนิดราคา 50, 100, 200, 500, 1000, 2000, 5000, 10000, 20000, 50000 และ 100000 เรียล
ดอกไม้ประจำชาติ : ดอกลำดวน (Rumdul) ดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล กลีบดอกหนาทึบและแข็งเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเย็นแบบกรุ่น ๆ ถูกจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายถึงความสดชื่นหอมกรุ่น และเป็นดอกไม้สำหรับสุภาพสตรี
สัตว์ประจำชาติ :กูปรี หรือ โคไพร เป็นสัตว์จำพวกกระทิงหรือวัวป่าชนิดหนึ่ง เป็นสัตว์กีบคู่ ตัวโต โคนขาใหญ่ ปลายหางเป็นพู่ขน ปัจจุบันกูปรีอยู่ในสถานะสูญพันธุ์ โดยไม่มีรายงานการพบกูปรีในป่าธรรมชาติมานานหลายสิบปีแล้ว แต่นักอนุรักษ์ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะยังสามารถพบกูปรีได้ตามป่าชายแดนไทยและกัมพูชา (แต่ไม่เคยมีรายงานยืนยัน) กูปรีถูกประกาศให้เป็นสัตว์ประจำชาติกัมพูชาโดยสมเด็จเจ้านโรดมสีหนุอดี
ตกษัตริย์ของกัมพูชา นอกจากกูปรีจะเป็นสัตว์ประจำชาติของกัมพูชาแล้ว ยังพบว่ากูปรียังเป็นส่วนหนึ่งของตราสัญญลักษณ์ของ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์อีกด้วย
ตกษัตริย์ของกัมพูชา นอกจากกูปรีจะเป็นสัตว์ประจำชาติของกัมพูชาแล้ว ยังพบว่ากูปรียังเป็นส่วนหนึ่งของตราสัญญลักษณ์ของ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์อีกด้วย
อาหารขึ้นชื่อ :
อาม็อก (Amok) อาหารยอดนิยมของกัมพูชา ลักษณะคล้ายห่อหมกของไทย โดยมากแล้วนิยม
ปรุงเนื้อปลาลวกด้วยพริกเครื่องแกงและกะทิ แล้วทำให้สุกโดยการนำไปนึ่ง บางตำรับอาจใช้เนื้อไก่หรือหอยแทน สาเหตุหนึ่งที่คนในประเทศนี้นิยมรับประทานปลา เพราะเป็นอาหารที่หาได้ง่าย เนื่องจากสภาพ ภูมิประเทศที่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
สตูว์ไก่เขมร (Ragu sach moan) สตูว์ไก่เขมรได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส มีรสชาติอร่อยและทำง่าย เป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมในโอกาสใหญ่ เช่นงานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงรวมญาติ

กุยเตียว (គុយទាវ) ในภาษาเขมร กุยเตียวหมายถึงจานและเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากข้าว อาหารชนิดที่เป็นก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำซุปหมู เป็นอาหารเข้าที่เป็นที่นิยมในกัมพูชา ได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน กินกับผักกาดหอม ถั่วงอก พริกไทยดำ น้ำมะนาว กระเทียมเจียว กุยเตียวในแต่ละบริเวณมีความแตกต่างกัน โดยต่างที่องค์ประกอบของน้ำซุปหรือสิ่งที่ใส่ลงในกุยเตียว กุยเตียวแบบพนมเปญเป็นที่นิยมแพร่หลาย โดยส่วนประกอบในกุยเตียวจะมีเนื้อหมู หมูสับ เลือดหมูก้อน เครื่องในหมู เช่น ลำไส้ หัวใจ ตับ ปอด เป็ดย่าง กุ้งน้ำจืด ลูกชิ้นปลา หมึก กุยเตียวสมัยใหม่จะมีที่ใส่ไก่ เนื้อวัวหรืออาหารทะเล

สถานที่สำคัญในประเทศ :
พระราชวังหลวงพนมเปญ
ตั้งอยู่ในเมืองพนมเปญ อยู่บนถนน โซะเทียะรึต ทางตอนใต้ของ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สร้างขึ้นตามรูปแบบศิลปะเขมรโดยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสในปี 1866 เป็นที่ประทับของเจ้านโรดมสีหนุ นับที่ท่านเสด็จกลับคืนสู่กรุงพนมเปญในปี 1992 ในวังนี้เปิดให้เข้าชมเช่นเขตที่ประทับ
ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังหลวงเป็นที่ประทับของสมเด็จสีหนุ ส่วนด้านใต้ของพระราชวังหลวง มีหมู่อาคารพระคลังหลวง และที่นั่งโภชนีโสภา สำหรับพระราชทานเลี้ยง พระราชวังหลวงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ชื่อเดิมในภาษากัมพูชา คือ “เปรี๊ยะบรมเรียเซียแวงจักตุบุข” กษัตริย์กัมพูชา ประทับเมื่อสร้างเสร็จในปี 2409 และเมืองนี้ถูกทอดทิ้งร้าง ตอนที่เขมรแดงขึ้นครองอำนาจ
พระนโรดม ได้ย้ายเมืองหลวงจากอุดงมีชัย มายังพนมเปญ ในศตวรรษที่ 19 พระราชวังนี้อยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ 4 สาย ของแม่น้ำโขง เรียก “จตุมุข” หันหน้าเข้าไปทางทิศตะวันตก อาคารสิ่งก่อสร้างคือ พระที่นั่งจันทฉายา ใช้เป็นที่ทอดพระเนตรชมขบวนแห่และชมนาฏศิลป์หลวง พระที่นั่งเทวาวินิจฉัย (ท้องพระโรง) เป็นสถานที่กษัตริย์ใช้ว่าราชการ ปรึกษากับแม่ทัพ ขุนนาง และพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีครองราชย์ และพระราชพิธีอภิเษกสมรส รับแขกบ้านแขกเมือง พระที่นั่ง นโปเลียนที่ 3 ผ่านการบูรณะจากฝรั่งเศสโดยพระเจ้านโปเลียนที่ 3 สร้างประทานแก่จักรพรรดิ นีเออเซนี และท่านให้รื้อเป็นชิ้นๆ และล่องเรือมาประกอบถวายสมเด็จพระนโรดมที่ กรุงพนมเปญ ทศวรรษที่ 1870
ตั้งอยู่ในเมืองพนมเปญ อยู่บนถนน โซะเทียะรึต ทางตอนใต้ของ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สร้างขึ้นตามรูปแบบศิลปะเขมรโดยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสในปี 1866 เป็นที่ประทับของเจ้านโรดมสีหนุ นับที่ท่านเสด็จกลับคืนสู่กรุงพนมเปญในปี 1992 ในวังนี้เปิดให้เข้าชมเช่นเขตที่ประทับ
ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังหลวงเป็นที่ประทับของสมเด็จสีหนุ ส่วนด้านใต้ของพระราชวังหลวง มีหมู่อาคารพระคลังหลวง และที่นั่งโภชนีโสภา สำหรับพระราชทานเลี้ยง พระราชวังหลวงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ชื่อเดิมในภาษากัมพูชา คือ “เปรี๊ยะบรมเรียเซียแวงจักตุบุข” กษัตริย์กัมพูชา ประทับเมื่อสร้างเสร็จในปี 2409 และเมืองนี้ถูกทอดทิ้งร้าง ตอนที่เขมรแดงขึ้นครองอำนาจ
พระนโรดม ได้ย้ายเมืองหลวงจากอุดงมีชัย มายังพนมเปญ ในศตวรรษที่ 19 พระราชวังนี้อยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ 4 สาย ของแม่น้ำโขง เรียก “จตุมุข” หันหน้าเข้าไปทางทิศตะวันตก อาคารสิ่งก่อสร้างคือ พระที่นั่งจันทฉายา ใช้เป็นที่ทอดพระเนตรชมขบวนแห่และชมนาฏศิลป์หลวง พระที่นั่งเทวาวินิจฉัย (ท้องพระโรง) เป็นสถานที่กษัตริย์ใช้ว่าราชการ ปรึกษากับแม่ทัพ ขุนนาง และพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีครองราชย์ และพระราชพิธีอภิเษกสมรส รับแขกบ้านแขกเมือง พระที่นั่ง นโปเลียนที่ 3 ผ่านการบูรณะจากฝรั่งเศสโดยพระเจ้านโปเลียนที่ 3 สร้างประทานแก่จักรพรรดิ นีเออเซนี และท่านให้รื้อเป็นชิ้นๆ และล่องเรือมาประกอบถวายสมเด็จพระนโรดมที่ กรุงพนมเปญ ทศวรรษที่ 1870

นครวัด Angkor wat
นครวัดเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีขนาด 200,000 ตารางเมตร สูง 60 เมตร การก่อสร้างใช้แรงงานคนขนหินทรายจากเขา พนมกุเลน มาสร้างและเดินทางด้วยเท้าไกลถึง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาสร้าง รวม 100 ปี โดยช่างแกะสลัก 5000 คน กำแพงรอบนอกตัวปราสาทแกะสลักงดงาม บรรยายเกี่ยวกับเรื่องรามายณะ และที่แห่งนี้เป็นที่สะท้อนถึงความทะเยอทยานของมนุษย์ ที่มีความศรัทธาแรงกล้าต่อเทพเจ้า เวลาขึ้นชมจะเป็นช่วงสี่โมงเย็นเพื่อไปรอพระอาทิตย์ตกดิน เห็นเป็นแสงทองส่องระยิบระยับเหลืองอร่ามน่าตื่นตาตื่นใจ แก่นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพไว้ดู
ในนครวัดยังมีปราสาทหินทรายสีชมพู อยู่ห่างเมืองเสียมเรียบ 30 กิโลเมตร เป็นศิลปะการแกะสลักเล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตำนานมหาภารตะของอินเดียงดงามอ่อนช้อยเลยทีเดียว และถูกขนานนามว่าเป็นปราสาทแห่งความรัก มาเที่ยวที่นี้ต้องเตรียมอาหาร น้ำ มาด้วยเพราะแม่ค้านำมาขายแพงมาก คนนิยมมาถ่ายรูป มีต้นไม้ยักษ์ปกคลุมรอบปราสาทเพื่อไม่ให้พังทลาย และโด่งดังเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง ทูมไรเดอร์ เจมส์บอนด์ และอีกหลายๆเรื่อง ภาพแกะสลักพระพักตร์เป็นหน้าของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวร
งดงามจริงๆเลย

ปราสาทบายน
สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างด้วยทรายสีขาวโดดเด่นต่างจากปราสาทที่อื่น มีการแกะสลักพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวรจำนวนถึง 216 หน้า มีความบ่งบอกถึงรอยยิ้มที่มีความเมตตา ถ่ายทอดเรื่องราวภาพบนกำแพงผนังของการสู้รบชีวิตความเป็นอยู่ของกษัตริย์ และชาวบ้านในยุคนั้น เป็นสถานที่ที่เข้าไปแล้วรู้สึกขนหัวลุกเพราะรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องเราอยู่ทุกขณะตลอดเวลาที่อยู่ในปราสาทแห่งนี้
สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างด้วยทรายสีขาวโดดเด่นต่างจากปราสาทที่อื่น มีการแกะสลักพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวรจำนวนถึง 216 หน้า มีความบ่งบอกถึงรอยยิ้มที่มีความเมตตา ถ่ายทอดเรื่องราวภาพบนกำแพงผนังของการสู้รบชีวิตความเป็นอยู่ของกษัตริย์ และชาวบ้านในยุคนั้น เป็นสถานที่ที่เข้าไปแล้วรู้สึกขนหัวลุกเพราะรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องเราอยู่ทุกขณะตลอดเวลาที่อยู่ในปราสาทแห่งนี้

ทะเลสาบ โตนเลสาป
มาเที่ยวเขมรมีทะเลสาบด้วยนะจะบอกให้ อยู่ห่างเมืองพนมเปญ 100 กว่ากิโลเมตร มีแหล่งปลาน้ำจืด คือปลาบึกจำนวนมาก ไฮไลท์ของที่นี้คือ มีเรือพานักท่องเที่ยวชมความงามของหมู่บ้านประมงและทัศนียภาพในตอนเช้าและตอนตะวันตกดิน ยามเย็นมีเรือนแพให้นักท่องเที่ยวได้พัก ทานอาหาร ซื้อของฝากที่ระลึกเป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่ขอแนะนำ ชาวบ้านแถวนี้มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย พลาดกันไม่ได้เลยทีเดียว

ปราสาทนครธม (Angkor Thom)
เป็นเมืองหลวงสุดท้ายของอาณาจักร ขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลาย คริสต์ศวรรษที่ 12 โดย พระเจ้าชัยวรมันที่ มีอาณาเขตคลอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตรเมตร ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของนครวัด พระเจ้าชัยวรมันที่7 และรัชทายาทได้สร้างปราสาทใจกลางนครเรียกว่า ปราสาทบายน ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในการท่องเที่ยวนครวัด ทางขึ้นจะชันมาก ลื่นควรระวังนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น