วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561

ประเทศญี่ปุ่น : ผีญี่ปุ่นสุดหลอน!!

ผีญี่ปุ่นสุดหลอน!!

     เรื่องเล่าเกี่ยวกับผีมีอยู่ในทุกๆ วัฒนธรรมทั่วโลก แต่ในญี่ปุ่นนั้นเป็นที่สิงสถิตของผี มากมาย ทั้งยังเป็นผีที่ร้ายกาจ น่ากลัวกว่าที่ไหนๆ วิญญาณเหล่านี้เวียนว่าย อยู่ด้วยแรงอาฆาตพยาบาท หมายจะแก้แค้นคนที่เคยมาทำร้าย ให้ได้รับความทุกข์ ทรมานจนกว่าชีวิตจะหาไม่… ความเชื่อเรื่องผีในญี่ปุ่น มีรากฐานมาจากลัทธิชินโต ซึ่งบอกว่าวิญญาณของมนุษย์ จะต้องไปอยู่ในโลกหนึ่งชั่วนิรันดร์ แต่ระหว่างโลกนี้กับโลกหน้านั้น ยังมีอีกโลกหนึ่งกั้นกลาง ซึ่งวิญญาณสามารถ ย้อนกลับมาหาคนเป็นได้

1. Kamai-tachi... ฟันแล้วไม่ทิ้ง
คาไมทาจิ เป็นภูติลมตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนลม ตามตำนานเล่าว่า 
คามัยทาจิอาศัยอยู่บนภูเขา มีอยู่ด้วยกัน 3 ตัว จะทำอันตราย เมื่อมีนักเดินทางผ่านมาจะเจอกับลมพายุหมุน โดยตัวแรกจะชนเหยื่อในล้ม ตามด้วยตัวที่สองฟันเหยื่อให้เป็นแผล ส่วนตัวสุดท้ายจะทายาแก้ปวดให้กับเหยื่อ แต่ยังไม่จบแค่นั้น คาไมทาจิ มีนิสัยรักการต่อสู้ ซึ่งไม่ไม่รู้ว่าไปรักตั้งแต่ตอนไหน คาไมทาจิฟันแล้วไม่ทิ้งอย่างแน่นอน แต่จะทายาและฟันซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะพอใจ นิสัยอย่างนี้แม้แต่ผีด้วยกันเองยังขยาดเล้ย !




2. Nekomata...แมวปีศาจ
เนโกะมาตะ ตามตำนานเล่าว่า เมื่อแมวบางตัวมีอายุมากจะมีตบะที่สูงขึ้นด้วย และมันจะกลายเป็นแมวผี  ที่เรียกว่า “บะเกะเนะโกะ” หากหางมันแยกออกเป็น 2 หางเมื่อไหร่ เมื่อนั้นมันจะสามารถอัพเกรดตัวเองกลายเป็น “เนะโกะมะตะ” ถือเป็นขั้นสุดของแมวปีศาจ สามารถขยายตัวเองได้ถึง 1 เมตร และเปลี่ยนสัญชาติตัวเองด้วยการเดินขาหลัง 2 ขา นอกจากนั้นยังเป็นแมวผีที่ไม่ยอมให้ใครมาดูถูก ถ้าใครทำไม่ดีกับมันพึงระลึกไว้ว่ามันไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังเชื่อกันว่า การเต้นรำของเนะโกะมะตะสามารถควบคุมคนตายได้ และยังเชื่ออีกว่าเนะโกะมะตะเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ที่ผิดปกติ จึงมีความเชื่อบางอย่างที่จะตัดหางของแมวออก เพื่อป้องกันไม่ให้มันกลายเป็นเนะโกะมะตะ เรื่องเล่าของเนโกะมาตะนั้น แตกต่างไปตามแต่ละพื้นที่ บ้างก็ว่าห้ามทิ้งแมวไว้กับศพ เพราะมันจะปลุกศพคนตายให้ฟื้นคืนชีพ บ้างก็ว่าเนโกะมาตะจะกินคนที่เป็นเจ้านายของมัน และมีบางตำนานที่เล่าว่าในตอนกลางคืน เนโกะมาตะ     จะแปลงกายเป็นสาวงามเพื่อปรนนิบัติเจ้านายที่มันหลงรักอีกด้วย ความสามรถขั้นเทพจริงๆ !



3.Rokurokubi...สาวคอยาว
โรคุโรคุบิ ตำนานเกี่ยวกับมนุษย์ ที่โดนคำสาปจากไหนก็ไม่รู้อีกแล้ว โดยตอนกลางวันเป็นคนปกติธรรมดาเหมือนเราๆนี่แหละ แต่พอตกกลางคืนคอของเธอก็จะยืดยาวออกมา ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิงเนื้อเรื่องแอบคล้ายกระสือของพี่ไทยอยู่หน่อยๆ ต่างกันตรงที่ความสามารถพิเศษเท่านั้นเอง เพราะโรคุโรคุบินั้น     จะยืดแค่คอ หัวและตัวนั้นลอยออกไปพร้อมกัน ไม่ได้ถอดหัวทิ้งร่างไว้แต่อย่างใด และจะดูดพลังวิญญาณของคนและสัตว์ไปเป็นอาหาร

แต่ที่ชื่นชอบมากเป็นพิเศษคือพลังชีวิตของชายหนุ่ม เธอมักจะแฝงตัวและปิดบังตัวเอง แต่ปิดยังไง๊ ยังไงก็ไม่อยู่ จึงต้องแสดงตัวตนออกมา แต่เฉพาะกับพวกขี้เมา และผู้ชายงี่เงาเท่านั้น เหตุก็เพราะว่า เธอกลัวชายหนุ่มที่สนใจผิดหวังในคอยาวๆของเธอน่ะสิ ถึ'จะคอยาวแต่เธอก็ยังเป็นหญิงสาวว่างั้น




4. Hanako-san...วิญญาณในห้องน้ำ
ฮานาโกะซัง ตำนานเมืองสมัยใหม่ที่นิยมมากในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเด็กนักเรียน ที่จะใช้ตำนานนี้ในการวัดความกล้าสำหรับบรรดาน้องใหม่ทั้งหลาย ฮานาโกะซัง คือ เด็กผู้หญิงในชุดเอี๊ยมกระโปรงแดง ตัดผมสั้นทรงกะลา ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงหนูหิ่นอินเตอร์ของบ้านเราไว้ นั่นแหละคือฮานาโกะซัง วันหนึ่งตอนพักกลางวันเธอแอบเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาไม่ได้
เด็กสาวจึงต้องเอาตัวรอดด้วยการจับแมลงและกินน้ำที่อยู่ในห้องน้ำนั้นเพื่อประทังชีวิตแต่น่าเสียดายที่แมลงในห้องน้ำนั้นไม่สามารถทำให้เธอรอดชีวิตได้ เธอจึงกลายเป็นวิญญาณที่ถูกขังอยู่ในห้องน้ำนับแต่นั้นมา การที่จะพบฮานาโกะซังได้นั้นจะต้องเคาะประตู 3 ครั้ง ในห้องน้ำห้องที่ 3 ชั้นที่ 4 ของโรงเรียน บ้างก็ว่าห้องสุดท้ายทางขวามือ แล้วถามว่า “ฮานาโกะซัง เธออยู่ในนั้นไหม” ไม่ก็ “ฮานาโกะซัง มาเล่นกันเถอะ” ถ้าเธอตอบ “ฉันอยู่นี่” หรือ “ค่ะ...” หลังจากนั้นก็แล้วแต่แล้วล่ะ ว่าจะวิ่ง หรือจะเล่น









5. Camelia...ดอกไม้สีเลือด
คาเมเลีย เป็นดอกไม้ในตระกูลชา ดอกเป็นสีขาวและชมพู แต่บางครั้งพบสีแดงคล้ายเลือด ซึ่งมีความหมายว่า ความโศกเสร้าอันน่าสลด ตำนานคาเมเลียเป็นที่กล่าวขวัญกันในโรงเรียนประถมของญี่ปุ่น เพราะนิยมปลูกเจ้าคาเมเลียไว้ประดับโรงเรียน เมื่อพอถึงฤดูใบไม้ร่วงดอกของต้นคาเมเลียก็จะหล่นเกลื่อนกลาดเต็มพื้นทางเดินของโรงเรียน ถ้าเกิดมันเป็นสีแดง คงคล้ายกับว่าพื้นนั้นถูกย้อมไปด้วยเลือด ตำนานอาถารรพ์ของต้นคาเมเลีย เริ่มในสมัยโบราณของญี่ปุ่นที่ยังคงมีระบบศักดินา มีเจ้าหญิงไร้นามผู้หนีภัยทางการเมือง แต่โดนฝ่ายตรงข้ามจับได้ซะก่อน เธอจึงกลายเป็นเชลยสงครามและถูกจับมัดไว้กับต้น คาเมเลีย จากนั้นถูกทรมานสารพัดเพื่อบังคับให้เปิดเผยข้อมูลของราชสำนัก ส่วนเจ้าหญิงเองก็เป็นคนดีเก็บเงียบไม่ยอมปริปากบอกอะไรแก่ศัตรู จนในที่สุดก็เสียชีวิตและถูกฝังศพไว้ใต้ต้นคาต้นคาเมเลียนั้น  ต้นคาเมเลียจึงสูบเลือดเจ้าหญิงแทนน้ำ ส่วนวิญญาณแค้นทำให้ดอกคาเมเลียกลายเป็นสีเลือด เด็กๆ จึงเชื่อกันว่าต้นคาเมเลียในโรงเรียน เป็นต้นไม้ที่สูบเลือดของเจ้าหญิง และเป็นที่น่าประหลาดใจเพราะตำนานนี้ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่กลับสามารถระบุวันที่เจ้าต้นคาเมเลียจะออกดอกสีแดงได้  นั่นคือ วันที่ 15 มิถุนายนของทุกปี



ขอจบไว้เพียงเท่านี้...หวังว่าเพื่อนๆจะนอนหลับฝันดีนะคะ!


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น