10ข้อห้ามที่อย่าเผลอไปทำในประเทศญี่ปุ่นเชียวนะ
ในสังคมของทุกประเทศมีสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติและมีข้อห้ามทางวัฒนธรรมอยู่มากมาย และแน่นอนว่าในแต่ละวัฒนธรรมย่อมมีกฎที่ไม่ได้มีการบัญญัติไว้อย่างตายตัว แต่สมาชิกในสังคมนั้นได้เรียนรู้กฎเหล่านี้มาตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งมันอาจจะเข้าใจยากสำหรับคนต่างชาติ และความไม่รู้หรือการไม่เคารพกฎเหล่านั้น อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง และอาจทำให้คุณดูเป็นวายร้ายหรือตัวสร้างปัญหาได้เช่นกัน
เรามาดูข้อห้ามที่ไม่ควรทำในประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับเรื่องเล่าสนุก ๆ จากประสบการณ์ตรงของผู้ที่ได้เคยทำพลาดมาแล้วโดยไม่ได้ตั้งใจ!
1. อย่าถูกเนื้อต้องตัว
โดยส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะไม่สัมผัสตัวกันถ้าไม่ได้สนิทมากพอ แต่ในบางพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่นอาจแตกต่างกันออกไปตามนิสัยและวัฒนธรรมของผู้คนในท้องถิ่นนั้น ๆ อย่างเช่นในแถบคันไซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอซาก้ามักจะชินกับการถูกเนื้อต้องตัวกันมากกว่าคนที่มาจากที่อื่น คุณจะเห็นวัยรุ่นหรือนักเรียนหยอกล้อกันในที่สาธารณะ หรือผู้หญิงจับมือกันหรือกอดกันเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อไปที่โตเกียวจะแตกต่างกันมาก ซึ่งต้องระวังเพราะชาวตะวันตกบางคนไปแตะไหล่เพื่อนร่วมงานผู้ชายแบบเป็นมิตร (เพราะเคยทำตอนอยู่ที่โอซาก้า แต่ไม่มีใครว่าอะไร) ซึ่งเพื่อนร่วมงานคนนั้น กลับมองเธออย่างรังเกียจเหมือนทำความผิดอะไรร้ายแรง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าในส่วนของเพื่อนร่วมงานนั้น ก็มีส่วนคล้ายกับวัฒนธรรมไทย ที่ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเอง “ถูกตัว” มากจนเกินไป
สำหรับคู่รัก ในประเทศไทยการแสดงความรักแบบมากเกินไปตามที่สาธารณะ อาจจะถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรและจะโดนมองไม่ดี แต่ในประเทศญี่ปุ่นเราอาจจะเห็นคู่รักแสดงความรักต่อกันค่อนข้างเปิดเผยกว่าในระดับหนึ่ง คู่รักญี่ปุ่นจะสวีทกันมาก ๆ เรียกได้ว่าฆ่าคนโสดแบบสุด ๆ
2. ตะเกียบ
กฎข้อที่ 1: อย่ากัดหรือเลียตะเกียบ ไม่ว่าอาหารจะอร่อยสักแค่ไหน นี่คือ กิริยาที่คนญี่ปุ่นรับไม่ได้ วัฒนธรรมญี่ปุ่นนั้นให้ความสำคัญกับความสะอาดเหนือสิ่งอื่นใด ร้านอาหารทุกร้านค่อนข้างใส่ใจในเรื่องของการทำความสะอาดอุปกรณ์เป็นอย่างดี ซึ่งตะเกียบเป็นสิ่งที่ทำให้มือของคุณไม่ต้องสัมผัสกับอาหารโดยตรง และนั่นก็แปลว่าปากของคุณก็ไม่ควรสัมผัสกับตะเกียบโดยตรงเช่นกัน นอกจากนี้ การกัดหรือดูดตะเกียบยังเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพและไม่ถูกสุขลักษณะอีกด้วย
กฎข้อที่ 2: อย่าปักตะเกียบลงไปในข้าว บางครั้งคุณก็อาจไม่รู้ว่าควรวางตะเกียบไว้ตรงไหนดี แต่ระวังอย่าปักตะเกียบลงไปในข้าวโดยเด็ดขาด เพราะในงานศพตามประเพณีของญี่ปุ่นจะวางข้าวหนึ่งถ้วยเอาไว้ใกล้ ๆ กับศีรษะของศพและปักตะเกียบเอาไว้ตรงนั้น ข้าวที่ตักจนพูนที่วางไว้เหนือศีรษะของผู้ตายเป็นสัญลักษณ์แทนหลุมฝังศพโบราณในสมัยที่คนญี่ปุ่นยังจัดการศพด้วยการฝัง ซึ่งตะเกียบ หรือ ฮาชิ (ในภาษาญี่ปุ่น) เป็นคำพ้องเสียงกับคำว่า “สะพาน” (ซึ่งออกเสียงว่า “ฮาชิ” เหมือนกัน) โดยเป็นทางผ่านไปสู่สวรรค์ของวิญญาณ เพราะเหตุนี้ ถ้าคุณปักตะเกียบลงไปในข้าว คุณอาจจะได้เห็นสายตาพิฆาตของคนรอบข้างมองมาทางคุณ
กฎข้อที่ 3: อย่าส่งต่อหรือรับอาหารด้วยตะเกียบ เหตุผลยังคงเกี่ยวข้องกับประเพณีในงานศพ เพราะจะมีการส่งกระดูกจากกองขี้เถ้าของผู้ตายต่อ ๆ กันโดยใช้ตะเกียบในงานศพ ดังนั้น อย่าทำแบบเดียวกันนี้กับอาหาร เพราะจะทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกได้
3. การใช้โทรศัพท์บนรถไฟ
ทุกคนคงจะรู้ว่าคนญี่ปุ่นเคร่งครัดเรื่องมารยาทมาก โดยเฉพาะมารยาทในรถขนส่งและที่สาธารณะ ในรถไฟหรือรถโดยสารจะมีประกาศเรื่องมารยาทต่าง ๆ อยู่เสมอ ซึ่งมีเรื่องของการใช้โทรศัพท์อยู่ในนั้นด้วย หรือคุณอาจจะได้ยินประกาศเตือนให้ปิดโทรศัพท์หลังจากเข้าไปในรถไฟ หรือบางครั้งก็เพียงเตือนให้ปิดเสียงและใช้ระบบสั่นเพื่อไม่ให้รบกวนผู้โดยสารคนอื่น ๆ แน่นอนว่ากฎเช่นนี้ทำให้ไม่มีการคุยโทรศัพท์ในรถไฟ ตลอด 4 ปีที่อยู่ที่ญี่ปุ่น ฉันเคยเจอสาวแกลญี่ปุ่นสุดเปรี้ยวคุยโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามีสายตาหลายคู่มองมาด้วยความรู้สึกตำหนิ แต่ตราบใดที่ไม่ได้ไปรบกวนใคร ก็ไม่มีใครว่าอะไร
4. ซ้ายหรือขวา?
เมื่อมองดูผู้คนที่สถานีรถไฟของประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน อาจทำให้คุณรู้สึกอยากถอดใจและสงสัยว่าพวกเขาไปทำงานให้ทันกันได้อย่างไร แน่นอนว่าที่นี่มีกฏที่ผู้คนจะต้องคอยปฏิบัติตามเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย เพราะเมื่อมีใครไม่ทำตาม ก็อาจสร้างความเดือดร้อนให้คนหมู่มากได้
กฎที่ฉันกำลังพูดถึงอยู่นี้ คือ กฎการใช้บันไดเลื่อน ทุกวัฒนธรรมมีสามัญสำนึกแบบเดียวกันว่าควรจะเว้นให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งของบันไดเลื่อนว่างไว้ เพื่อให้คนที่กำลังรีบสามารถเดินขึ้นหรือลงได้ ยกตัวอย่างเช่น ในโตเกียว ผู้คนจะยืนทางด้านซ้ายมือ เว้นขวามือไว้เพื่อให้คนเดิน ส่วนในคันไซจะกลับกัน ลองจินตนาการดูว่าถ้าคุณยืนอยู่ผิดด้าน (สมมติว่าคุณดันยืนอยู่ด้านขวามือทั้งที่ควรจะยืนด้านซ้าย) แล้วมีคนต่อคิวอยู่ข้างหลังคุณยาวเหยียดด้วยความโมโห ที่คุณคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไปทำงานไม่ทัน
เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด จำไว้เลยว่าให้ยืนด้านซ้ายมือในโตเกียว และด้านขวามือในโอซาก้า โกเบ นารา และเมืองอื่น ๆ ในคันไซ (หรือลองสังเกตรอบ ๆ ตัวคุณว่าคนญี่ปุ่นทำอะไรกัน การเลียนแบบ คือ วิธีการเอาตัวรอดที่มีโอกาสผิดพลาดน้อยที่สุด)
5. การให้ทิป
นี่คืออีกหนึ่งสิ่งสำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ถ้าไปเที่ยวประเทศทางฝั่งตะวันตก ในยุโรป หรือ อเมริกา จะมีวัฒนธรรมของการให้ทิปที่ถือเป็นการชื่นชมบริกรที่ดูแลเราระหว่างมื้ออาหารเป็นอย่างดี และถือเป็นมารยาทที่ดีอย่างหนึ่ง บางร้านบอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าไม่รวมค่าบริการ เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องจ่ายทิปให้กับพนักงานเพิ่ม
แต่ในประเทศญี่ปุ่นไม่เป็นเช่นนั้น โดยทิปมักจะรวมอยู่ในราคาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือแท็กซี่
ก็ตาม ซึ่งการทิ้งทิปเอาไว้นั้น ถือเป็นการกระทำที่นับว่าเสียมารยาท และส่วนมากพนักงานจะวิ่งตามหลังคุณมา เพื่อคืนเงินทอนโดยเข้าใจว่าคุณจ่ายเงินเกิน เช่นเดียวกับคนขับแท็กซี่ ซึ่งจะให้เงินทอนคุณครบทุกเยนไม่ขาดไม่เกิน และคำพูดเช่น “ไม่เป็นไร ไม่ต้องทอน” จะทำให้คนขับรถไปไม่เป็นเลยทีเดียว
6. การสั่งน้ำมูก
ถ้าคุณป่วยก็ควรใส่หน้ากากอนามัยด้วย แต่ถ้าคุณจามแล้วจำเป็นต้องสั่งน้ำมูกในที่สาธารณะล่ะจะต้องทำอย่างไร? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่คุณต้องจำไว้ คือ ห้ามสั่งน้ำมูกในที่สาธารณะเด็ดขาด!
คนญี่ปุ่นมองว่าการสั่งน้ำมูกในที่สาธารณะเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพและสกปรก ซึ่งดูเหมือนคุณกำลังจงใจบอกทุกคนว่า “คุณอยากแพร่เชื้อให้พวกเขา!” ขอแนะนำให้คุณไปห้องน้ำและสั่งน้ำมูกให้เรียบร้อย โดยไม่ต้องกลัวว่าจะแพร่เชื้อให้ใคร หรือไม่ก็สูดน้ำมูกเอาไว้ถ้าคุณไม่สามารถไปห้องน้ำได้ (มันอาจดูน่าขยะแขยงหน่อย ๆ แต่ถ้าคุณสวมหน้ากากอนามัยเอาไว้ก็จะไม่มีใครเห็น)
7. การรับประทานอาหารและดื่มน้ำในที่สาธารณะ
แม้จะไม่มีกฎการห้ามทานอาหาร ขนม หรือดื่มน้ำบนรถไฟ แต่คนญี่ปุ่นก็ไม่นิยมการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำในขณะกำลังโดยสารรถไฟ เพราะว่าอาจจะทำให้ที่นั่งหรือพื้นเปื้อนได้ อย่างที่ฉันได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า ความสะอาด คือ หนึ่งในสิ่งสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น แม้จะไม่มีใครห้ามหรือออกปากตำหนิ แต่ทุกคนจะมองว่าคุณไม่มีมารยาท รวมถึงการแต่งหน้าก็เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ การรับประทานอาหารในระหว่างการเดินก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ คุณอาจจะสังเกตเห็นคนยืนทานข้าวปั้นหรือแซนด์วิชหน้าร้านสะดวกซื้อ คุณอาจจะคิดว่าถ้ากำลังรีบแล้วทำไมถึงไม่เดินไปกินไป นั่นก็เพราะว่าการเดินไปกินไปเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่งในสังคมญี่ปุ่น
8. ถอดรองเท้า
กฎนี้ก็คล้ายกับบ้านเรา คือ การถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน ซึ่งการเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นของคนญี่ปุ่นโดยไม่ถอดรองเท้า จะทำให้เจ้าบ้านโกรธมาก และเขาจะต้องบอกคุณว่า “ช่วยถอดรองเท้าด้วย”

9. แต่งตัวเซ็กซี่ในญี่ปุ่น
สำหรับใครที่เคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น ขอบอกไว้เลยว่าโลกของการ์ตูนนั้นเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมา และหลาย ๆ อย่างไม่สามารถนำมาใช้กับโลกของความเป็นจริงได้
ในประเทศญี่ปุ่น การโชว์ร่องอก รักแร้ และไหล่เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำและไม่เหมาะสม ไม่ว่าอากาศจะร้อนสักแค่ไหน ไม่ว่าคุณจะมีเดรสสายเดี่ยวอยู่สักกี่ตัว คุณไม่ควรจะใส่มันออกไปทั้งอย่างนั้น ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะแก้ปัญหาโดยการใส่เสื้อยืดเอาไว้ใต้เดรสสายเดี่ยว (ซึ่งคุณจะทำตามก็ได้ถ้าสามารถทนความอบอ้าวของเสื้อผ้าหลาย ๆ ชั้นได้) และการโชว์ร่องอกจะทำให้คุณตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนทั้งชายและหญิงที่คุณเดินผ่าน บางคนอาจจะใจดีพอที่จะบอกคุณว่าเสื้อผ้าของคุณนั้นไม่เหมาะสม บางคนอาจจะเอาแต่จ้อง และคิดว่าคุณเป็นพวกชอบโชว์เรือนร่างและมองคุณไม่ดี
10. การสูบบุหรี่
ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นดินแดนในฝันของคนชอบสูบบุหรี่เลย เพราะในหลาย ๆ พื้นที่เปิดกว้างให้สูบบุหรี่ได้ อย่างในร้านอิซากายะ และยังมีพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่ที่จัดสรรเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยไม่ต้องกลัวคนอื่นรังเกียจอีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คุณควรจะจำไว้ให้ขึ้นใจ เพราะในญี่ปุ่น คุณสามารถสูบบุหรี่ได้เฉพาะในบริเวณที่ระบุเอาไว้เท่านั้น เช่น บริเวณข้าง ๆ ห้างสรรพสินค้า หรือหน้าร้านสะดวกซื้อจะมีพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่เอาไว้ให้ และการสูบบุหรี่นอกเขตห้ามสูบบุหรี่ รวมถึงการสูบบุหรี่ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย หากคุณสูบนอกเขตดังกล่าว คุณอาจจะถูกปรับหรือถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตักเตือน (พวกเขาจะอยู่ทุกที่แม้ว่าคุณจะไม่ทันสังเกต)
นี่ถือเป็นวิธีที่ประเทศญี่ปุ่นสามารถทำให้ถนนสะอาดและปลอดก้นบุหรี่ นอกจากนี้ ยังทำให้คนอื่นไม่ต้องทนรับผลกระทบจากควันบุหรี่อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก https://jpninfo.com/thai/2348
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น